www.mememejung.blogspot.com
www.tiruk15.blogspot.com
www.Jukduy.blogspot.com
www.nittaya13.blogspot.com
www.nutsba.blogspot.com
www.Patama13.blogspot.com
www.newyear7134.blogspot.com
www.Dajung2010.blogspot.com
www.blogspot.com
www.Zoo-Ruk.blogspot.com
www.praputson2.blogspot.com
www.Namtho999.blogspot.com
www.Santan9899.blogspot.com
www.Swlkksanpui.blogspot.com
www.apisit-loveyou.blogspot.com
www.Koonstitchclub.blogspot.com
www.Thaicok.blogspot.com
www.Tangtonnalove.blogspot.com
www.Pimpakk486.blogspot.com
www.petchai222.blogspot.com
www.kimhyonjung.blogspot.com
www.surut16.blogspot.com
www.forgetmenot_fernway.blogspot.com
www.sorry-lin.blogspot.com
www.Mintra-abnormal.blogspot.com
www.DowandMok.blogspot.com
www.Cheesekra.blogspot.com
www.AE andtama.blogspot.com
www.pigred.blogspot.com
www.blogspot.com
www.tukinpo.blogspot.com
www.Toulex5.blogspot.com
www.loypila.blogspot.com
www.kapook16.blogspot.com
www.Mayrrhung.blogspot.com
www.Bigbody11.blogspot.com
วันพฤหัสบดีที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2553
ขิงแดงเป็นพืชที่มีการปลูกประดับบ้านเรือนมานานแล้ว มีการดูแลรักษาง่าย สามารถ เจริญเติบโตได้ดีในสภาพดินทั่วไป ขยายพันธุ์ได้ด้วยหน่อ และให้ดอกตลอดปี ขิงแดงมีช่อดอก ที่สวยงาม สามารถบานอยู่บนต้นได้นาน และมีรูปทรงของดอกที่แปลกกว่าไม้ดอกชนิดอื่น ๆ ประกอบกับเมื่อนำมาปักแจกันพบว่ามีอายุการปักแจกันที่เหมาะสม ทำให้เป็นที่ต้องการของผู้ บริโภค ดังจะเห็นได้จากวิวัฒนาการจากการปลูกเป็นไม้ประดับบริเวณบ้าน มาเป็นการปลูกเพื่อ ตัดดอกเป็นการค้ามากขึ้น จากข้อมูลการซื้อขายที่ปากคลองตลาดพบว่ามีการซื้อขายขิงแดงเป็น ปริมาณ 2,000 ดอก/สัปดาห์ คิดเป็นมูลค่า 10,000 บาท/สัปดาห์ และยังพบว่ามีการส่งออก บ้าง
ต้น ขิงแดงเป็นพืชวงศ์เดียวกับขิงข่า ซึ่งมีลำต้นใต้ดินเรียกว่าเหง้า (rhizome) มีขนาดสั้น แตกสาขาทอดขนานไปกับผิวดิน และเป็นที่สะสมอาหาร เหง้ามีสีแดง เส้นผ่าศูนย์กลาง 1-1.5 ซ.ม. ส่วนลำต้นเหนือดินเป็นกาบใบที่โอบซ้อนกันแน่น เช่นเดียวกับพวกกล้วย ส่วนนี้คือลำต้น เทียม (pseudostem) ลำต้นเหนือดินสูง 1-2 เมตร หากสมบูรณ์มากหรือขึ้นอยู่ในธรรมชาติอาจ สูงถึง 5 เมตร ขึ้นอัดแน่นเป็นกอใหญ่
ใบ เป็นรูปรี บริเวณกลางใบกว้าง แล้วค่อย ๆ เรียวไปหาปลายใบและฐานใบไม่มีก้านใบ ผิวใบเกลี้ยงทั้งด้านบนและด้านล่าง ขนาดยาว 20-30 ซม. และกว้าง 5-8 ซม. ปลายใบแหลม ยาว ฐานใบเรียวลาดเข้าหาก้านใบ เห็นเส้นกลางใบปรากฎชัดทางด้านล่างของใบ
ดอก ช่อดอกจะออกที่ยอด ช่อดอกยาวประมาณ 30 ซม. อาจยาวได้ถึง 90 ซม. ประกอบด้ยกลีบประดับ เรียงซ้อนกันอยู่ กลีบประดับมีสีแดงสด รูปไข่ ปลายแหลม ขนาดยาว 3-4 ซม. และกว้าง 1.5-2.5 ซม. ดอกแท้เป็นรูปกรวยสีขาวขนาดเล็ก อยู่ภายในกลีบประดับ ไม่ค่อยเห็นโผล่ออกมาเหนือกลีบประดับ ดอกแท้มักเหี่ยวแห้งไปในเวลาอันรวดเร็ว คงเหลือ แต่ริ้วประดับซึ่งคงมีสีสดอยู่เป็นเวลานานทำให้ขิงแดงมีช่อดอกที่สวยงาม
ผล ผลของขิงแดง เป็นชนิดแคบซูล ผิวสีแดง ขนาดยาวประมาณ 3 ซม.
เมล็ด มีสีดำความยาวประมาณ 3 มม. และมีเปลือกหุ้มเมล็ดแข็ง
ต้นบานบุรี
ชื่อวิทยาศาสร์ Allamanda cathartica. Linn.
ตระกูล APOCYNACEAE
ชื่อสามัญ Golden trumpet , Allamanda.
ลักษณะทั่วไป
ต้น บานบุรีเป็นไม้เลื้อยที่มีการผลัดใบโดยธรรมชาติ ต้นของบานบุรีจะเลื้อยพาดไปตามรั้ว หลัก หรือต้นไม้อื่น
หากไม่มีการตัดแต่งทรงพุ่ม เถาบานบุรีเมื่อแก่จะเป็นสีน้ำตาล ส่วนบริเวณยอดเถาจะเป็นสีเขียว และจะมี
ยางสีขาวขุ่นอยู่ในทุกส่วนของต้นบานบุรี ไม่ว่าจะเป็นส่วนของเถา หรือส่วนของใบก็ตาม
ใบ ใบจะแตกออกบริเวณข้อของลำต้นหรือขอของเพา ข้อหนึ่ง ๆ จะมีใบออกประมาณ 3-6 ใบ และใบจะออก
ตรงข้ามกัน ตัวใบสีเขียวเข้ม ผิวใบมัน ปลายใบแหลม ก้านใบสั้น
ดอก บานบุรีจะออกดอกตรงส่วนยอด ดอกเป็นรูปแตร มีก้านดอกสั้นและจะมีกลีบเลี้ยงเป็นริ้วสีเขียวติดอยู่โคน
ดอก ดอกจะเป็นสีเหลืองมีกลีบดอก 5 กลีบ
ฤดูกาลออกดอก ออกดอกตลอดปี
ตระกูล APOCYNACEAE
ชื่อสามัญ Golden trumpet , Allamanda.
ลักษณะทั่วไป
ต้น บานบุรีเป็นไม้เลื้อยที่มีการผลัดใบโดยธรรมชาติ ต้นของบานบุรีจะเลื้อยพาดไปตามรั้ว หลัก หรือต้นไม้อื่น
หากไม่มีการตัดแต่งทรงพุ่ม เถาบานบุรีเมื่อแก่จะเป็นสีน้ำตาล ส่วนบริเวณยอดเถาจะเป็นสีเขียว และจะมี
ยางสีขาวขุ่นอยู่ในทุกส่วนของต้นบานบุรี ไม่ว่าจะเป็นส่วนของเถา หรือส่วนของใบก็ตาม
ใบ ใบจะแตกออกบริเวณข้อของลำต้นหรือขอของเพา ข้อหนึ่ง ๆ จะมีใบออกประมาณ 3-6 ใบ และใบจะออก
ตรงข้ามกัน ตัวใบสีเขียวเข้ม ผิวใบมัน ปลายใบแหลม ก้านใบสั้น
ดอก บานบุรีจะออกดอกตรงส่วนยอด ดอกเป็นรูปแตร มีก้านดอกสั้นและจะมีกลีบเลี้ยงเป็นริ้วสีเขียวติดอยู่โคน
ดอก ดอกจะเป็นสีเหลืองมีกลีบดอก 5 กลีบ
ฤดูกาลออกดอก ออกดอกตลอดปี
ข้าวคลุกกะปิ
เครื่องปรุง
ข้าวสุก ๖ ถ้วย
กะปิอย่างดี ๒ ช้อนโต๊ะ
กระเทียมสับ ๑ ช้อนโต๊ะ กระเทียมแกะกลีบ ๓ กลีบ
เนื้อหมูหั่นสี่เหลี่ยม ๒ ขีด
กุ้งแห้งทอดกรอบ ๑/๔ ถ้วย (แต่วันที่ทำ ไม่มีกุ้งแห้ง เลยไม่ได้ใส่และไม่มีปรากฏในรูปค่ะ)
ไข่ไก่ ๒ ฟอง
น้ำตาลปี๊บ ๒ ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา ๑ ช้อนโต๊ะ
พริกไทยดำป่น ๑/๔ ช้อนชา เกลือเล็กน้อย
ถั่วฝักยาวหั่นฝอย ๑/๔ ถ้วย
มะม่วงดิบซอย ๑/๔ ถ้วย
พริกขี้หนูสวนซอยบางๆตามชอบ
มะนาว ตามชอบ
วิธีทำ
ใส่น้ำมันลงในกระทะเล็กน้อย ตั้งไฟให้ร้อน ใส่ไข่ที่ปรุงรสด้วยน้ำปลานิดหน่อย ตีพอเข้ากัน กรอกไข่ให้เป็นแผ่นบางๆพอสุกเหลือง ให้ตักขึ้น รอให้เย็น แล้วหั่นให้เป็นเส้นฝอยๆ บางๆ
โขลกกระเทียม พริกไทย เกลือให้ละเอียด แล้วนำไปคลุกกับหมูหมักไว้สักครู่ ผัดหมูในน้ำมันที่ตั้งไว้ร้อน ให้หอมและสุกดี เติมน้ำตาลปี๊บ น้ำปลา และน้ำ ๑ ช้อนโต๊ะ เคี่ยวสักครู่ พอให้หมูสุกแข็งตัวดี น้ำแห้งเกาะหมูเหนียวพอควร ตักขึ้น พักไว้
ผัดกะปิกับน้ำมัน ๒ ช้อนโต๊ะ น้ำปลา ๑ ช้อนชา และน้ำตาลทราย ๒ ช้อนชา จนเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำมาคลุกกับข้าวสวย โดยใส่กะปิทีละน้อย จนกะปิไม่เป็นก้อน และกระจายตัวดี ลองชิมดูถ้ารสชาติดีแล้ว อาจไม่ต้องใส่กะปิหมดก็ได้
ตั้งกระทะใส่น้ำมัน ๒ ช้อนโต๊ะ เจียวกระเทียมสับให้เหลือง ใส่ข้าวลงผัด จนเข้ากันดี
ตักขึ้น จัดใส่จาน รับประทานกับหมูหวาน ถั่วฝักยาวซอย หอมซอย มะม่วงซอย ไข่เจียวหั่นฝอย กุ้งแห้งทอด พริกขี้หนู และมะนาว
ข้าวคลุกกะปิ ไม่มีมะม่วงดิบ แต่เรามีแอปเปิ้ลเขียวมาแทน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)